F.HERO
ไม่ว่าใครจะชนะ เราแพ้ (Whoever Wins, We Lost)
[Chorus: มิสเลิฟ]
ธงไตรรงค์ยังคงโบกต่อไป
ธงไตรรงค์ยังคงโบกต่อไป
ธงไตรรงค์ยังคงโบกต่อไป
ธงไตรรงค์ยังคงโบกต่อไป

[Verse 1: จิระ]
เมื่อมหาสงครามถือกำเนิด
จากความขัดแย้งที่จุดจบคือเสียงปืนเสียงระเบิด
เสียงหัวเราะที่คละเคล้าน้ำตา
เสียงถากถาง เสียงความเศร้าดังกึกก้องลั่นนภา
ปัญญาชนหรือผู้ก่อจราจล
ผลสุดท้ายผู้แพ้มีจำนวน 60 ล้านกว่าคน
ที่จนอยู่ในตรอกเดียวกัน หาทางออกเดียวกัน
แต่ทำไมคำตอบไม่ตรงกัน

[Verse 2: ไอซ์ซี่แมน]
ฉันเห็น Land of Smile ปกคลุมด้วยควันไฟ
ฉันได้กลิ่นความเศร้าเคล้าความบรรลัย
ฉันได้ยินเสียงกระสุนปะทะกระโหลกใคร
เห็นเพียงชาวไทยโบกธง ขอความช่วยเหลือ
ไม่ว่าจะฝ่ายไหน
คนอีสาน คนกรุง คนใต้ หรือคนเหนือ
เพราะที่เหลือคือน้ำตา
ที่ไหลนองทั่วประเทศในเดือนพฤษภา
[Verse 3: เจ้าพระยา]
ดูข่าวออกโทรทัศน์ ว่าบ้านเมืองพังทลาย
โทรศัพท์ที่ได้รับ บอกผู้คนล้มตาย
เห็นภาพพี่น้องเพื่อน นอนเกลื่อนไม่หายใจ
ที่เป็นญาติทางชาติเชื้อ ของพวกเราที่ชื่อไทย
สยามเมืองยิ้ม กลายเป็นคำแค่พูดไป
ไม่เหลือสิ้นคนใจจริง มีแต่ซากฟืนไฟ
สงครามพวกเดียวกัน เราจะฆ่ากันทำไม
ให้ลูกหลานอยู่ที่บ้านต้องร่ำร้องว่าเพื่อใคร

[Chorus: มิสเลิฟ]
ธงไตรรงค์ยังคงโบกต่อไป
ธงไตรรงค์ยังคงโบกต่อไป
ธงไตรรงค์ยังคงโบกต่อไป
ธงไตรรงค์ยังคงโบกต่อไป

[Verse 4: กินหมี่]
ถามใจคิดย้อนเมื่อขับร้องเพลงชาติไทย
8 นาฬิกา ไตรรงค์สะบัดขึ้นเสาธง
การสร้างชาติแลกเลือดเนื้อบรรพชน
แต่ผืนดินที่ยืนกลับไปแลกความสากล
การปกครองควรอยู่ที่ใจคน
หาใช่รูปแบบที่เป็นบาดแผลกลางใจตน
ก่อนเพลงชาติไทยประโยคสุดท้ายจะจบลง
ก่อนไตรรงค์ที่เคยพัดจะปลิวหายไปกลางสายลม
[Verse 5: ฟักกลิ้งฮีโร่]
เราต่างดับไฟด้วยการใช้ดุ้นฟืน
เราผลักคนล้มด้วยคำว่าจุดยืน
เอาหมึกพิมพ์สีดำ สาดใส่ฟ้ากลางคืน
แล้วยิงเสียงปืนให้ดังกว่าเพื่อที่จะกลบเสียงปืน
เอาวันมะรืนที่ยังมองไม่เห็น
ตัดสินพรุ่งนี้ว่ากำลังจะเน่าเหม็น
แล้วเอาเมื่อวานซืนที่ลำบากทุกข์เข็ญ
มารวมกับเมื่อวานนี้ ตัดสินวันนี้ว่าคนละความคิดเห็น
เกิดความแตกต่างคนละสีเสื้อเดียวกัน
ทั้งๆ ที่สีเลือดเดียวกัน ทั้งสีธงชาติและสีสถาบัน
สงครามที่ฆ่าเผ่าพันธุ์เดียวกัน
แค่หนึ่งชีวิตก็มากเกินกว่าจะสูญเสียไปให้เดือนพฤษภา
ซาก Central World หรือการไม่ยุบสภา
สีลม ราชประสงค์ หรือเลือดที่โชกพระประธาน
สงครามที่รบกันระหว่างพี่น้องแท้ๆ
จึงเป็นสงครามที่ไม่ว่าใครชนะ เราแพ้

[Chorus: มิสเลิฟ]
ธงไตรรงค์ยังคงโบกต่อไป
ธงไตรรงค์ยังคงโบกต่อไป
ธงไตรรงค์ยังคงโบกต่อไป
ธงไตรรงค์ยังคงโบกต่อไป

[Verse 6: วับแวบแวววาว]
อยากให้คุณคิดให้ดี
ว่าประชาธิปไตยของพวกคุณได้แต่ใดมา
มันแลกมาด้วยกายาหรือสติปัญญา
มันเริ่มเป็นปัญหาทำให้คนสิ้นชีวา
อย่าได้แต่รอเวลา
อย่ายอมให้ใครมาปิดตา
บนผืนแผ่นดินไทย
ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ในสุดท้ายคุณก็คือคนไทย
[Verse 7: เกล้าจุก]
กรุงเทพมหานคร 2 ช่วงอายุคน
มานะลำบากอดทนดิ้นรนหลุดพ้นจากทาสแลกความเป็นคน
นับวันเหมือนกับจับมือปิดตาพากันลงเหว
ย้อนนึกจิตใจบรรพบุรุษที่ลุกเปลว
บางระจันปืนใหญ่ยังแตกพ่าย
ไร้สึ่งสามัคคีปรองดอง ชาติมลาย
วัฒนธรรมสืบสานความเป็นไทย
ขวานทองอยากสืบทอดให้ใคร

[Verse 8: ปาโนชช่า]
หากธงไทยยังดำรงให้ชนไทยโบกสะบัดแถบสามสีที่ต่างกัน
เหตุใดสำคัญมาแบ่งสีกัน
ใต้แผ่นฟ้าผืนน้ำบนแผ่นดินเดียวกัน
กับเม็ดข้าวที่เรากินกันร่วมสาบาน
ที่จะก้าวไปด้วยกัน
และดั่งคำสาปกระหน่ำลงทั้งสองฟากฝั่งพื้น
วันที่ไทยถือธงอยู่คนละฟากฝั่งปืน
และน้ำตาที่นองหน้าก็ไม่อาจดับกองไฟฟืน

[Verse 9: เหมียววิฬาร]
ไม่ได้อยู่ที่ระบอบแต่มันอยู่ที่ระบบ
ทำอย่างไรก็ได้ให้อยู่ด้วยกันอย่างสงบ
ไม่ต้องจบที่ใครหรือจะอยู่ฝ่ายไหน
ที่รู้กันอยู่คุณนั้นเป็นคนไทย
มิได้เป็นเครื่องมือหรือเครื่องต่อรอง
อธิปไตยของชาติคือสิ่งที่ต้องประคอง
ตามครรลองคลองธรรมหรือแล้วแต่เวรแต่กรรม
ผลสรุปสุดท้าย ไทยนั้นถูกกระทำ

[Chorus: มิสเลิฟ]
ธงไตรรงค์ยังคงโบกต่อไป
ธงไตรรงค์ยังคงโบกต่อไป
ธงไตรรงค์ยังคงโบกต่อไป
ธงไตรรงค์ยังคงโบกต่อไป